เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้


ในยุคที่น้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ใช้รถหลายๆ ท่านได้เปลี่ยนมาใช้ก๊าซ LPG และ NGV กันมากขึ้นตามลำดับ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกจำนวนมากที่ยังคงใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอยู่เหมือนเดิม โดยมีเหตุผลต่างๆ นาๆ เช่น ใช้ก๊าซอันตราย, ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง, สถานีบริการมีน้อย, กลัวว่าเครื่องยนต์มีปัญหา และอื่นๆ เป็นต้น


น้ำมันเครื่องเป็นสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนถ่าย หรือ บำรุงรักษาตามระยะทางที่กำหนดอยู่แล้ว เมื่อมีการเปลี่ยนถ่ายใหม่ในแต่ละครั้ง ผู้ขับขี่จะรับรู้ได้ตั้งแต่สตาร์ทเครื่องยนต์ ขณะติดเครื่องใหม่ถ้าสังเกตไฟเตือน (รูปกาน้ำมันเครื่องสีแดง)           จะดับอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั้นจะดับค่อนข้างช้า นอกจากนั้นผู้ขับขี่จะมีความรู้สึกว่า เครื่องยนต์มีการทำงานเงียบขึ้นและเครื่องยนต์เดินเรียบขึ้น ลื่นขึ้น ดังนั้น เครื่องยนต์จึงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ สามารถใช้งานได้ยาวนาน และยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้

หลายๆหน่วยงานได้มีการรณรงค์ให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน ในส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงก็มีอยู่ไม่น้อย และได้แนะนำวิธีการต่างๆ ที่เห็นอยู่ตามสื่อทั่วไป แต่ถึงกระนั้น ก็มิได้กล่าวถึงว่า “การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้” ถึงแม้จะประหยัดได้เพียงนิดหน่อย ก็ขึ้นชื่อว่าประหยัดใช่ไหมครับ

 ประหยัดได้จริงหรือ ?

จริง เพราะเมื่อเครื่องยนต์มีการทำงาน กลไกต่างๆ ที่เคลื่อนที่ภายในเครื่องยนต์ต่างทำงานได้สะดวกขึ้น (ลื่นขึ้น) ทำให้การตอบสนองจากการจุดระเบิด มีการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว และเต็มประสิทธิภาพ ตรงนี้เองเมื่อเครื่องยนต์ทำงานดี มีการสูญเสียกำลังงานน้อย ก็จะได้กำลังงานมากขึ้นและเร็วขึ้น ถึงแม้ไม่สามารถชี้วัดออกมาเป็นตัวเลขได้ แต่ผู้ขับขี่จะได้รับความรู้สึกว่า ขับรถยนต์ได้ระยะทางที่มากขึ้น หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมา เมื่อเป็นดังนี้ ความประหยัดก็จะเกิดขึ้นนั่นเอง

คุณสามารถวัดระดับน้ำมันเครื่องในรถของคุณ ถ้าน้ำมันเครื่องพร่องคุณสามารถเติมน้ำมันเครื่องให้ถึงระดับที่กำหนด โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทั้งหมด คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้เวลานาน และทำได้ง่ายเมื่อมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เหมาะสม หรือคุณอาจนำรถเข้าอู่ซ่อมรถและให้ช่างช่วยเติมน้ำมันเครื่องแทนคุณก็ได้

ข้อแนะนำและขั้นตอนการถ่ายน้ำมันเครื่อง
1. เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดของเครื่องยนต์ และเพื่อยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่าง ๆของเครื่องยนต์ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้ตรงตามระยะเปลี่ยนถ่ายที่กำหนดไว้ ดังนี้
        - น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ระยะเปลี่ยนถ่าย 10,000 กม. หรือ 6 เดือน
        - น้ำมันเครื่องเบนซิล ระยะเปลี่ยนถ่าย 5,000 กม. หรือ 3 เดือน
        - น้ำมันเครื่องดีเซลระยะเปลี่ยนถ่าย 5,000 กม. หรือ 3 เดือน

2. การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องควรจะใช้น้ำมันชนิดเดียวกัน ไม่ควรใช้น้ำมันเครื่องต่างชนิดหรือต่างยี่ห้อผสมกัน เพราะสารเคมีที่ผสมอยู่ในน้ำมันเครื่องอาจจะทำปฎิกิริยากัน ทำให้น้ำมันเครื่องด้อยประสิทธิภาพลงได้

วิธีเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องด้วยตัวคุณเอง
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องง่ายกว่าที่คิด และยังช่วยประหยัดเงินให้คุณได้ในระยะยาวด้วย การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที เพียงแต่ขอให้คุณแน่ใจว่าได้ทำตามวิธีการที่ระบุและคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยของผู้ผลิตทุกประการ

จากนั้นตรวจดูว่าคุณมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องหรือไม่

อุปกรณ์ที่คุณควรเตรียมให้พร้อมคือ

  • น้ำมันเครื่อง (4 หรือ 5 ลิตร - ตรวจสอบจากคู่มือรถยนต์)
  • ตัวกรองน้ำมันเครื่องอันใหม่ - (ตรวจสอบจากคู่มือรถยนต์)
  • แว่นนิรภัยและถุงมือยาง
  • ภาชนะและกรวยพลาสติก
  • แม่แรงยกรถและขาตั้งรับรถ
  • ประแจกระบอกสำหรับปลั๊กท่อระบาย
  • กระดาษเช็ดมือแผ่นใหญ่และผ้าขี้ริ้ว
  • ประแจตัวกรองน้ำมันเครื่อง

สิ่งที่คุณต้องทำคือ:

1. เตรียมรถของคุณให้พร้อม
รถจะต้องจอดบนพื้นราบ ใส่เบรกมือ และดับเครื่องยนต์ ปล่อยให้น้ำมันเครื่องเย็นลงสักพัก ถ้าคุณต้องการพื้นที่ใต้ท้องรถ ให้ใช้แม่แรงยกรถขึ้นและใช้ขาตั้งรองรับ การใช้แม่แรงยกรถอย่างเดียวอาจไม่มั่นคง ฉะนั้นอย่าเข้าไปใต้ท้องรถถ้าไม่มีขาตั้งรองรับ คุณอาจหาอะไรมาวางใต้เครื่องยนต์เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันหกลงบนพื้น

2 เปิดฝาครอบน้ำมัน
หาตำแหน่งฝาครอบน้ำมัน (ตรวจสอบตำแหน่งจากคู่มือรถยนต์) และเปิดออก ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะสุญญากาศจะไม่ยอมให้น้ำมันไหลออก

3. หาตำแหน่งรูถ่ายน้ำมันเครื่อง
ไปที่ใต้ท้องรถและหาตำแหน่งรูถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่งมีลักษณะเป็นน๊อตอันเดียวอยู่ด้านล่างสุดของอ่างน้ำมันเครื่อง

4. วางภาชนะ
วางภาชนะที่ใหญ่พอที่จะเก็บน้ำมันเครื่องเก่าทั้งหมดไว้ใต้รูถ่ายน้ำมันเครื่อง และถอดน๊อตที่ท่อระบาย ต้องระวังอย่าให้น๊อตหล่นลงไปในภาชนะ และอย่าโดนน้ำมัน เพราะน้ำมันอาจร้อนมาก

5. ถ่ายน้ำมันเก่าออก
ปล่อยให้น้ำมันเก่าไหลออกมาจนหมด ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายนาที

6. หาตำแหน่งตัวกรอง
หาตำแหน่งตัวกรองเก่าจากคู่มือรถ ตัวกรองนี้จะต้องเหมือนกับตัวกรองที่คุณกำลังจะนำมาเปลี่ยน

7. ถอดตัวกรองเก่าออก
หมุนประแจตัวกรองทวนเข็มนาฬิกาเพื่อคลายตัวกรองน้ำมัน ตัวกรองอาจมีน้ำมันอยู่เต็มจึงต้องระวังอย่าให้น้ำมันหกหรือสัมผัส

8. เตรียมตัวกรองใหม่
ทำความสะอาดที่รองรับตัวกรองน้ำมัน และทาน้ำมันบางๆ บนปะเก็นของตัวกรองอันใหม่

9. ใส่ตัวกรองอันใหม่
ค่อยๆ ขันตัวกรองอันใหม่ให้เข้าที่ด้วยมือ อย่าขันให้แน่นเกินไป  เอาน๊อตตัวเดิมไขกลับเข้าที่ และขันให้แน่นด้วยประแจ

10. เติมน้ำมันใหม่
ใช้กรวย ค่อยๆ เติมน้ำมันเครื่องเชลล์ เฮลิกส์ ลงในเครื่องยนต์ ระวังอย่าให้หก วัดระดับน้ำมันด้วยแท่งวัดระดับน้ำมันเครื่องทุกๆ การเติม 2 ลิตร

11. ตรวจสอบระดับน้ำมันให้ถูกต้อง
เมื่อได้ระดับน้ำมันที่ถูกต้องแล้ว ให้เปลี่ยนฝาครอบน้ำมัน สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้สิบนาที แล้วดับเครื่องอีกครั้ง ตรวจสอบระดับน้ำมันด้วยแท่งวัดระดับน้ำมันเครื่องอีกครั้ง ถ้าระดับลดลง ให้เติมน้ำมันเพิ่ม

12. ทำความสะอาด
ทำความสะอาดน้ำมันเครื่องที่หกเลอะรอบๆ เครื่องยนต์ และตรวจดูว่ามีการรั่วใดๆ ออกจากรูถ่ายน้ำมันเครื่องหรือไม่

13. กำจัดน้ำมันและตัวกรองเก่าอย่างถูกวิธี
น้ำมันที่ใช้แล้วมีความเป็นพิษสูง และต้องไม่ทิ้งรวมกับของเสียในครัวเรือน การกำจัดน้ำมันที่ใช้แล้วในระบบท่อน้ำทิ้งเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ใส่น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วในภาชนะที่ปิดสนิท และเขียนฉลากกำกับไว้ จากนั้นนำน้ำมันที่ใช้แล้วนี้ไปที่ศูนย์ซ่อมรถยนต์ สถานีบริการน้ำมัน หรือศูนย์รีไซเคิล สถานที่เหล่านี้ส่วนใหญ่จะรับน้ำมันเครื่องใช้แล้วโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย